วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ความคิดลบ เกิดจากอะไร?

ความคิดลบ ส่วนใหญ่​นั้นเกิดมาจาก “ความกลัว”

ผมไม่ได้จะจะบอกให้ทุกคนเลิกกลัว แต่ผมจะบอกว่า คนที่ประสบความสำเร็จ​ไม่ได้กำจัดความกลัวได้100% แต่เขาสามารถสู้ต่อไปได้ในขณะที่เขากลัว”

ความกลัวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่… เราต้องเลือกความกลัวที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เช่น กลัวจน กลัวป่วย กลัวตาย เป็นต้น

แต่หลายครั้งครับที่เรามักจะเอาความกลัวที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี มาหยุดยั้งชีวิตตัวเอง เช่น ​

กลัวจน แต่ กลัวลำบาก มากกว่า ก็เลยไม่ขยันทำมาหากิน ไม่หารายได้เสริม ไม่อยากเสียเวลาศึกษาหาความรู้ทางการเงินเพิ่ม ไปอบรมไปสัมมนามันเหนื่อย ขี้เกียจไป แล้วก็ทำงานไปแบบเดิม เป็นต้น

เพราะความกลัวนี่แหละที่ทำให้เราเลือกที่จะเป็นแบบเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม ทำงานแบบเดิม เดินเส้นทางแบบเดิมที่ปลอดภัย เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวัง ไม่เสียใจ ไม่ลำบากไปกว่าเดิม ​ แต่แล้วก็บ่นอยู่ทุกวันว่าอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม อยากสบายกว่าเดิม อยากรวยกว่าเดิม ไม่อยากผิดหวังแบบเดิม

“So many of us choose our path out of fear disguised as practicality.”
“หลายคนเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย ดูสมเหตุสมผล แต่แท้จริงมันมาจาก ความกลัว นั้นทำให้เราเลือก”
- Jim Carrey -​

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “อยากได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ” ดังนั้นเราจึงต้อง “เปลี่ยน”

“ความกล้าไม่ได้ทำลายความกลัว แต่ความกล้าคือการมีความกลัวเป็นเพื่อนร่วมทางแต่ยังเอาชนะมันได้”
- Bear Grylls -

เริ่มต้นที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนความคิด ชีวิตจึงเปลี่ยน จึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “You are what you think.”

"ทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์​ของตัวเองเกี่ยวกับเรื่อง" เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน" ลองนึกย้อนอดีตไปตั้งแต่มัธยม​ ต้องมีสักครั้งที่ความคิดผุดขึ้นมาสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้"
- ทันตแพทย์สม  สุจีรา-​

ต้องถามตัวเองครับว่า “เราอยากมีชีวิตที่เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปไหม” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” และคิดว่าออกไปทำอะไรใหม่ แล้วไม่ทำให้ชีวิตเดิมเราแย่ลงไปกว่าเดิม ผมว่ามันคุ้มที่ลอง และควรเริ่มต้น “เปลี่ยน” ตั้งแต่ตอนนี้

“การเอาแต่กลัวมักรั้งเราไม่ให้เผชิญความเสี่ยง หากคุณไม่กล้าปีนขึ้นต้นไม้เลย คุณก็ไม่มีวันได้ลิ้มรสกับผลไม้ลูกที่ดีที่สุดบนยอดนั้นได้”
- Sarah Parish -

จระเข้ฟาดหาง
ติดตามบทความเพิ่มเติมได้ที่

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เขาโชคดี หรือ เราเองไม่เข้าหาโชค?


เขาโชคดี หรือ เราเองไม่เข้าหาโชค?


ถามหน่อยว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เขารู้มาก่อนหรือเปล่าว่า เขาจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ขนาดนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาคิดจะทำ? คำตอบคือ “เขาไม่รู้หรอกครับ ไม่มีใครรู้”
ถ้ามีคนมาบอกกับ Jack Ma ว่าต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้างในการก่อตั้ง Alibaba เขาอาจจะเปลี่ยนไปขายกาแฟก็ได้นะครับ คนที่ประสบความสำเร็จไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวเองกำลังจะเจออะไร ต่อให้โอกาสมารอเขาอยู่ในวันพรุ่งนี้เขาก็ไม่รู้ แต่ทุกคนลงมือทำ​ด้วยความเชื่อมั่นและพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด จนกระทั่งประสบความสำเร็จ และก็จะรู้สึกสงสัยกับตัวเองว่าเราทำขนาดนั้นได้ยังไง
ไม่มีทางแพ้ทุกครั้ง ถ้าคุณไม่ยอมแพ้
ไม่มีล้มเหลวตลอดกาล ถ้าคุณไม่ยอมล้มเหลวซ้ำสอง
ไม่มีใครโชคร้าย ถ้าคุณไม่ปฏิเสธโอกาส และพร้อมที่จะรับความโชคดี
“เราไม่ได้ดึงดูดสิ่งที่เราต้องการ แต่เราดึงดูดสิ่งที่เราคู่ควร”
“You don't get what you desire, You get what you deserve.”
- ขุนเขา -

ทุกคนล้วนโชคดีครับ แต่ที่เราไม่เคยพบเจอกับความโชคดีนั้น เพราะเราไม่เคยทำตัวให้คู่ควรกับโอกาสนั้น เราทำตัวไม่พร้อมที่จะรับความโชคดีนั้นเองต่างหาก
         มีหลายคนครับ ที่เมื่อโอกาสแห่งความโชคดีนั้นมาถึง เขาเองไม่เคยทำตัวให้มีความสามารถพอที่จะรับมัน แล้วเขาก็ปฏิเสธความโชคดีนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบางครั้งมันอาจเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลเลยก็ได้ แต่ความโชคดีนั้นไปอยู่ในกำมือของคนอื่นแทน เมื่อคนอื่นรอบตัวเขาได้ดี เขาก็มานั่งเสียใจว่าทำไมเขาถึงโชคร้าย

จงทำตัวให้คู่ควรกับสิ่งที่คุณอยากจะได้ แล้วคุณจะได้มัน และอย่าปฏิเสธโอกาสใหม่ๆ หรือโอกาสดีๆในชีวิตคุณออกไป จงคว้ามันไว้ และอย่าปล่อยให้หลุดมือ   

จระเข้ฟาดหาง

Image credit
http://www.freepik.com

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ไม่มีเวลา หรือ ไม่ให้ความสำคัญ?

ผมขอถามคำถามหนึ่งครับว่า
ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม คุณจะมีเวลาอาบน้ำ แปรงฟัน ทุกวัน ถูกไหมครับ?



ทำไมเราถึงมีเวลาอาบน้ำได้ทุกวันทั้งๆที่ มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรือทำให้เราประสบความสำเร็จ? ทำไมคุณหาเวลาให้สิ่งนั้นได้ทุกวันละ?
เพราะมันเป็นสิ่ง สำคัญ สำหรับคุณ ที่ต้องทำ คุณจึงหาเวลาให้มันทุกวันได้

ไม่มีเวลา หรือ ไม่ให้ความสำคัญ?

ทำไมท่องศัพท์วัน 5 คำ ทำไม่ได้, ทำไมอ่านหนังสือเพิ่มเติมวันละ 1 บท ทำไม่ได้, ทำไมคุยกับเพื่อนเป็นชั่วโมงคุยได้ แต่คุยกับพ่อแม่ 5 นาทีคุยไม่ได้, ทำไมนั่งสมาธิ 5 นาที ทุกวัน ทำไม่ได้, ทำไมออกกำลังกายวันละ 30 นาที ทำไม่ได้, ทำไมแค่ไปเยี่ยมพ่อแม่ 1 วันในรอบปี ทำไม่ได้ ฯลฯ
เพราะ คุณให้ความสำคัญมันไม่มากพอครับ

คุณต้องถามตัวเองครับว่า

ไม่มีเวลา หรือ สิ่งนั้นไม่สำคัญ?

ผมขอยกตัวอย่างอันนึงจากคลิปที่ชื่อว่า “A Valuable Lesson For A Happier Life
ให้ถังอยู่ใบหนึ่ง แล้วให้คุณใส่ กรวด, ทราย, หิน ลงในถังให้หมด ไม่ให้เหลือ กรวด ทราย หิน หรือน้ำ เลย คุณจะเลือกใส่อันไหนบ้างจากก่อนไปหลัง?

คำตอบที่ถูกต้องก็คือใส่ หิน กรวด ทราย

เพราะอะไรครับ? เพราะว่า ก้อนหินนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเติมลงไปในถังจนหมด ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่พอให้ใส่กรวดได้อีก แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่เล็กมากๆอยู่ เราก็เติมทรายลงไปได้อีก และเราก็สามารถใส่ หิน กรวด ทราย ได้ทั้งหมด
        ถ้าเราใส่ทรายหรือกรวดก่อน ก็จะไม่มีพื้นที่มากพอให้ใส่หินลงไป เพราะทราย หรือกรวด ไปเต็มที่ก้นถังก่อนแล้ว

        ชีวิต เหมือนกับ ถัง, หิน เหมือนกับ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา, กรวด เหมือนกับ สิ่งสำคัญรองลงมา และ ทราย เหมือนกับ สิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิตเราเลย

        ถ้าเราใช้เวลาในชีวิตกับสิ่งที่สำคัญก่อน เราจะมีเวลาพอให้สิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิต แต่ถ้าเราหมดเวลาไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิต สุดท้ายเราจะไม่เหลือเวลามากพอที่จะทำสิ่งที่สำคัญในชีวิต


จัดลำดับสิ่งที่สำคัญของคุณให้ดี และพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ามันสำคัญจริงๆ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่า เรามัวแต่หมดเวลาไปเรื่องกับที่ไม่สำคัญ


~ จระเข้ฟาดหาง ~

ติดตามบทความบทความ แนวคิด และแรงบันดาาลใจ ได้ที่:

Image credit

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

3 สิ่งสำคัญสู่ความสำเร็จ

1. ความคิด หรือ ทัศนคติ


คุณคิดลบ คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มีข้ออ้างสารพัด ก็เท่ากับ คุณล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้วครับ

ยิ่งถ้าคุณมีแต่ความคิดแย่ๆ ความคิดลบๆ
สมองคุณจะไม่พยายามจะหาทาง จะมองไม่เห็นหนทางที่จะไป และคุณจะไม่มีแรงบันดาลใจในการทำ
เพราะยิ่งคุณคิดลบมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งดึงดูดแต่สิ่งลบๆเขามาหาตัวคุณ

2. ความรู้ และการนำความรู้มาสร้างมูลค่า


คนเรามีความรู้หลายอย่าง แต่ไม่ค่อยนำมันมาสร้างเป็นมูลค่า
หรือชอบเสพแต่ความรู้ที่สร้างมูลค่าไม่ได้

ถามว่าทำไมความรู้ถึงสำคัญ? ยกตัวอย่างง่ายๆครับ

ถ้าคุณให้เงิน 5 ล้านกับ Warren Buffett กับให้ คนขอทานข้างถนน
คุณคิดว่าใครจะยังรวยเหมือนเดิม?
ต้องเป็น Warren Buffett แน่นอน เพราะเขามีความรู้เรื่องการเงิน ถูกไหมครับ

ความรู้ สามารถต่อยอดความคิดได้
ความรู้ สามารถเพ่ิ่มทางเลือกหรือโอกาสดีๆให้กับเราได้
ความรู้ สามารถจำกัดความเสี่ยงได้

ต่อให้คุณมีตัวช่วย มีเครื่องมือที่ดีมากแค่ไหน แต่คุณไม่มีความรู้ที่จะใช้มัน ก็ไร้ค่าครับ

3. ประสบการณ์


เมื่อเรามีความรู้แล้ว ก็ยังต้องมีประสบการณ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย
เพราะนอกจากในตำราแล้ว ยังมีความรู้ใหม่ๆอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์  ซึ่งมักไม่มีใครมานั่งสอนหรือบอกเราได้หมด

ถ้าคุณมีแต่ความรู้อย่างเดียว แต่ไม่มีผลงานหรือประสบการณ์เลย
ก็ไม่ต่างอะไรจากการพูดโม้ หลอกลวงคนอื่นไปวันๆ
ความรู้ท่วมหัว ก็ต้องเอาตัวให้รอดด้วยเช่นกัน


~ จระเข้ฟาดหาง ~
ติดตามบทความได้ที่

วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

จีบหญิง กับ ความสำเร็จ



การประสบความสำเร็จ ก็เหมือนกับการจีบผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเรา (ผมขอยกตัวอย่างในมุมมองของผู้ชายนะครับ)

กว่าที่คุณจะจีบผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ตรงสเปคทั้งหมดที่คุณต้องการได้นััน มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนครับ
(แต่ผมว่าส่วนใหญ่คงจะจีบผู้หญิงที่ตรงสเปคเป็นบางอย่างที่เราต้องการ แค่นั้นก็ยังยากเลยครับ 555+)



คุณต้องหาวิธี หาหนทางที่จะจีบผู้หญิงคนนั้น หาข้อมูลว่าเธอชอบอะไรบ้าง เธอมีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบไหนและเราสามารถปรับรูปแบบการใช้ชีวิตให้เข้ากับเธอคนนั้นได้ไหม สิ่งที่ไหนที่เธอเกลียดก็พยายามอย่าทำ
ก็เหมือนตอนเริ่มต้นลงมือทำตามเป้าหมาย คุณต้องศึกษาหาหนทาง หาข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ก่อนจะเริ่มลงมือทำ ไม่ใช่คิดจะลงมือทำก็ทำเลย เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองยังไงบ้าง สิ่งไหนที่เป็นอันตรายต่อการไปสู่เป้าหมายก็หลีกเลี่ยงซะ และเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองและของคนอื่น แล้วนำมาแก้ไขปรับปรุง



หลังจากจีบติดแล้ว ระหว่างที่คบหาดูใจกัน คุณต้องห้ามเบี่ยงเบนไปสนใจผู้หญิงคนอื่น เพราะอาจจะทำให้เธอไม่เชื่อใจคุณ หรือเชื่อใจคุณน้อยลง
ก็เหมือนกับระหว่างทางที่คุณกำลังเดินไปหาเป้าหมาย คุณต้องห้ามเสียสมาธิไปสนใจสิ่งอื่น หรืออะไรหลายอย่างมากเกินไป เพราะจะทำให้การบรรลุเป้าหมายล่าช้า และผลงานที่คุณทำจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน คุณภาพงานก็จะแย่ตามไปด้วย ใครมาดูผลงานเราก็จะหาว่างานทำชุ่ยๆ ทำส่งๆ
โดยเฉพาะในทางธุรกิจ การที่คุณทำธุรกิจหลายอย่างมากเกินไป แล้วไม่โฟกัสที่ธุรกิจอันใดอันหนึ่ง ทำให้สินค้าหรือบริการของธุรกิจนั้นคุณภาพไม่ดีพอ ลูกค้าของคุณก็จะเชื่อถือคุณน้อยลง



และสุดท้าย สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ "เวลา" คุณต้องค่อยๆใช้เวลาเรียนรู้นิสัยใจคอของเธอ ค่อยๆให้ปรับตัวเข้ากับเธอและค่อยๆให้เธอปรับตัวเข้ากับคุณ ยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน ความสัมพันธ์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ก็เหมือนการให้เวลากับการทำงาน, ทำโปรเจคยักษ์ใหญ่ , ทำการแสดง หรือสร้างธุรกิจ ล้วนต้องอาศัยเวลา ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะไม่มีอะไรที่ทำเพียงไม่กี่วัน แล้วเห็นผลทันที ดังคำกล่าวที่ว่า
“พีระมิด ไม่ได้สร้างในวันเดียว” ยิ่งคุณให้เวลากับมันมาก งานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพมากตามไปด้วย ประสบการณ์ของคุณก็จะมากขึ้น และคุณก็จะหลงรักงานนั้นมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่มานาน เป็นที่รู้จักหลายช่วงอายุคน ก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือตามไปด้วย




เหมือนกับวลีที่คุ้นหูที่ว่า "ความสำเร็จ ไม่มีทางลัด" นั่นแหละครับ

คุณ วี  สืบศักดิ์ ได้กล่าวไว้ในรายการ ทำทันที (WoodyTalk) ว่า (ดูตรงนาทีที่45:34)

ถ้าอยากรวยเร็ว มี 3 วิธี
1. ปล้นแบงก์
2. แทงบอลให้ถูกทุกครั้ง
3. ไปบ่อน


ขนาดคุณ วี สืบศักดิ์ ที่ปรึกษาธุรกิจออนไลน์ร้อยล้าน ยังกล่าวขนาดนี้… คุณก็เลือกเอาว่าอยากรวยเร็วหรือรวยช้า  อยากรวยแบบไหน


เพียงเท่านี้คุณก็มีคู่ชีวิตที่ดีครองคู่กันไปอีกนานแสนนาน เปรียบเสมือนคุณประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่คุณตั้งใจไว้ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและคนรอบข้างไปอีกนานแสนนานเช่นกัน


แล้วคุณพร้อมที่จะมีคู่ชีวิตที่ดีแล้วหรือยังครับ?




~ จระเข้ฟาดหาง ~


ติดตามบทความใหม่ๆได้ใน


สามารถติดตามสาระความรู้ดีๆด้านธุรกิจจาก อ.สืบศักดิ์ ลิ่วลักษณ์ ได้ใน
http://www.Vcommerce.co.th

สนใจรับคำปรึกษาธุรกิจออนไลน์ สอบถามได้ที่
Line@: @iamsuebsak.com
(ผมไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะครับ ผมได้ฟังอาจารย์วี จากรายการของวู้ดดี้ และชอบมากๆครับ จึงอยากโฆษณาให้)


Image credits
http://wide-wallpapers.net/in-time-justin-timberlake-time-is-power-wide-wallpaper/ https://www.facebook.com/adaybulletin/photos/a.10155061164527347.1073741857.267847432346/10155061164657347/?type=3&theater (ขอบคุณเพจ a day BULLETIN)

เคยเจอคน...แบบนี้ไหม?

ก่อนเข้าเรื่อง ผมอยากให้คุณดูคลิปสั้นๆ 2 นาที คลิปนี้ก่อนครับ



มีหลายคนครับ (ผมบอกได้เลยว่ากว่า95%รอบตัวคุณ) จะมีคนแบบนี้อยู่ครับ ที่มัวแต่บ่น มัวแต่พูดว่า...
"โอ้ย!!! เราไม่ได้เป็นอย่างเขานี่,
เราไม่ได้โชคดีอย่างเขานี่,
เราไม่ได้มีเงินเยอะเท่าเขา,
เราไม่ได้เก่งขนาดเขาสักหน่อย,
เขามีโน่น มีนี่ มีนั่น แต่ดูเราสิ ไม่เห็นจะมีสักอย่าง เราจะไปทำได้แบบเขาได้ไหมละ,
คือเราติดปัญหาเรื่อง...นู่นนี่นั่น แต่เขาไม่ได้มีปัญหาเหมือนเราสักหน่อย,
เราทำแบบนู้นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้ แล้วเราจะไปทำอะไรแบบเขาได้.
ฯลฯ "


แล้วคนเหล่านี้ครับ ก็มาบอกกับเราว่า…
“ นายอย่าไปทำเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก,
สิ่งทีนายทำ มันจะเป็นไปได้หรอ,
ที่นายอยู่ไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรเลย,
นายบ้าหรือเปล่า? ไม่เห็นมีใครเขาทำกันสักหน่อย,
สิ่งที่นายทำ เราว่าไปไม่รุ่งหรอก,
ฯลฯ "


หลังจากที่คนเหล่านี้พูดจบ เขาก็ไม่ทำอะไรมากไปกว่าสิ่งที่เขาพูดไป และกลับไปทำแบบเดิมที่เขาเคยทำ แล้วชีวิตเขาก็เป็นอย่างเดิมอย่างที่เขาพูดไปทั้งหมด ชีวิตก็อยู่กับที่ ไม่ก้าวหน้าไปไหน แล้วก็กลับไปบ่นแบบเดิมอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเดิมไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด ผมว่าเผลอๆเป็นแบบนี้ไปจนตายอะครับ




คนเหล่านี้น่าสงสารนะครับ แต่มีน่าเศร้าใจมากกว่าคือ คนเหล่านี้มีอยู่ในสังคมเยอะมากเสียเหลือเกิน และผมเชื่อว่าเพื่อนหลายคนของคุณก็เป็นแบบนั้นครับ


ผมเองก็เคยเป็นครับ และคุณเองก็ต้องเคยเป็นโดยไม่รู้ตัวแน่นอนครับ แต่เมื่อคุณอ่านที่ผมเล่าไปตั้งแต่ต้นแล้วคุณยังอยากจะมีชีวิตในวงจรแบบนั้นอีกไหมครับ? คุณอยากจะมีชีวิตอยู่กับที่ เหมือนพายเรือในอ่างแบบนั้นไหมครับ? ผมคนนึงครับ ที่ไม่อยากเป็นแบบนั้น




ที่ชีวิตเราไม่ไปไหนสักทีก็เพราะข้อแก้ตัว ข้ออ้างที่คุณสร้างขึ้นมากั้นตัวคุณเองนั่นแหละครับ คุณแค่เลิกบ่นเรื่องแย่ๆเหล่านั้น แล้วเอาปัญหานั้นมาแก้ไข แค่นี้ชีวิตคุณก็เดินหน้าไปอีกหนึ่งแล้วครับ มันง่ายนิดเดียวเองครับ แค่คิดไปอีกมุมนึงเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นครับ คุณควรเลิกดูกถูกตัวเอง , เลิกคิดลบกับตัวเอง, เลิกหาข้อเสีย/ข้ออ้าง/ข้อแก้ตัว มากั้นชีวิตคุณเถอะครับ แล้ววันนึงคุณจะพบว่าคุณเป็นอะไรได้มากมาย และเป็นได้มากกว่าที่คุณคิดว่าชีวิตนี้คุณจะเป็นได้อีกครับ ไม่เชื่อก็ลองดูครับ


และสิ่งที่คนเหล่านั้นมัวบ่นนั่นแหละ จะมีโอกาสดีซ่อนอยู่
ดังคำกล่าวของ Jack Ma ว่า



“โอกาสดีๆ อยู่ในที่ที่คนมักจะบ่น”

~ จระเข้ฟาดหาง ~





Image credits